วิธีการปลูกดอกเวอร์บีน่า VER-101

ดอกมีหลายสี ดอกมีสีสดและอยู่ได้นาน นิยมปลูกประดับ ตกแต่งสวน ต้นสูงประมาณ 20-32 ซม. ออกดอกหลังย้ายปลูก 50-60 วัน

วัสดุอุปกรณ์การเพาะเมล็ด

  1. ถาดเพาะ  หรือ ตะกร้าเพาะ
  2. พีทมอส สำหรับดอกไม้ ( วัสดุเพาะ )
  3. เมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ( เวอร์บีน่า )
  4. ป้ายชื่อพันธุ์ดอกไม้
  5. Forcep คีมครีบ
  6. สารป้องกัน และกำจัดเชื้อรา ( โพรพาโมคาร์บ หรือ เมทาแลกซิล )
  7. ถุงมือป้องกันสารเคมี 
  8. บัวรดน้ำแบบฝอยละเอียด

การเพาะเมล็ด

  1. ทำการผสมพีทมอสกับสารเคมีกันเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 0.4 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) คลุกเคล้าให้เข้ากันสังเกตวัสดุเพาะจับตัวเป็นก้อนและมีน้ำซึมตามร่องนิ้วเล็กน้อย
  2. ใส่วัสดุเพาะลงในตะกร้าหนาประมาณครึ่งนิ้ว ปาดผิวหน้าวัสดุเพาะให้เรียบ พ่นน้ำให้ชุ่ม
  3. ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยผิววัสดุให้เรียบ ทำร่องรูปตัววีลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3 เซนติเมตร
  4. ทำการหว่านในตะกร้าให้กระจายอย่าให้ติดกันเป็นกระจุกเพราะจะยากต่อการย้ายลงถาดเพาะ
  5. ย้ายไปไว้ในทีพรางแสง 80 – 90% พ่นน้ำฝอยละเอียด และอย่าปล่อยให้วัสดุแห้งจะทำให้เมล็ดไม่งอกได้ ในระยะนี้จะใช้เวลประมาณ 4-5 วันในการงอก
  6. เมื่อต้นกล้ามีใบเลี้ยง 1 คู่แล้วซึ่งจะใช้ระยเวลาประมาณ 7-8วัน จึงทำการย้ายต้นกล้าลงถาดเพาะต่อไป
  7. การรดน้ำควรรดในช่วงเช้า หรือสังเกตุเห็นว่าดินแห้ง หากให้น้ำมากเกินไป จะก่อให้เกิดความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเชื้อราที่จะตามมา การรดน้ำควรใช้หัวสเปรย์ขนาดเล็ก เพื่อป้องกันในช่วงเพาะกล้าเมล็ดกระจายออก นอกถาด

ดินปลูกสำหรับปลูกลงถุงหรือกระถาง

การเตรียมดินปลูกต้นกล้า ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุสูง ระบายน้ำดี ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร มีความเป็นกรดเล็กน้อย มี pH ประมาณ 6.5-7 ส่วนผสมของดินปลูก ควรหาง่ายในท้องถิ่น 

สูตรดินผสมที่ 1 ส่วนประกอบโดยทั่วไปตามอัตราส่วน ได้แก่ดินร่วน 1 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน แกลบ ( เปลือกข้าว ) 2 ส่วน แกลบเผา 2 ส่วน ขุยมะพร้าว 2 ส่วน

สูตรดินผสมที่ 2 ส่วนประกอบโดยทั่วไปตามอัตราส่วน ได้แก่แกลดิบ 3 ส่วน ขุยมะพร้าว 5 ส่วน ดิน 2 ส่วน 

สูตรดินผสมที่ 3 ส่วนประกอบโดยทั่วไปตามอัตราส่วน ได้แก่ ขุยมะพร้าว  ทรายหยาบ  + โดโลไมท์  อัตราส่วน 3 : 1 +โดโลไมท์ อัตราส่วนผสมรวมกัน 240 ลิตร ( ขุยมะพร้าว 180 ลิตร + ทรายหยาบ 60 ลิตร  ใช้โดโลไมท์ 0.5 กก.) หรือ ทั้งนี้สามารถดัดแปลงสูตรได้ตามความเหมาะสม ตามประสบการณ์ หรือคู่มืออื่นๆ

การย้ายปลูก

  1. หลังจากย้ายลงถาดเพาะได้ประมาณ 15-20 วัน หรือต้นกล้ามีใบจริง 2 คู่ใบขึ้นไป หรือให้สังเกตุดูปริมาณรากว่าหุ้มกับวัสดุเพาะดีแล้ว
  2. ควรย้ายปลูกในช่วงเย็น ( แดดอ่อนๆ) เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำของต้นกล้าส่งผลให้ต้นกล้ามีการตั้งตัวได้ดีหลังการย้ายปลูก
  3. ดึงต้นกล้าเบาๆ พร้อมดินหุ้มรากให้มากที่สุด ตุ้มไม่แตก เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
  4. นำต้นกล้าลงในถุงพลาสติก หรือกระถาง โดยการเจาะหลุมดินให้ลึกและกว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา 5. ปลูกในหลุมที่กว้างพอดีกับดินที่หุ้มรากมา และควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้ระดับดินมากที่สุด
  5. ดูแลการให้น้ำ และรดน้ำให้ชุ่ม

วิธีการดูแลหลังการย้ายปลูก

การให้น้ำ

  • ช่วงหลังการย้ายปลูกควรให้น้ำสม่ำเสมอจนฟื้นตัว ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นควรรักษาความชื้นในดินให้เหมาะสมไม่แห้งจนต้นเหี่ยว และไม่แฉะหรือน้ำขังเป็นเวลานานมากเกินไป หากดินขาดความชื้นจะทำให้แมลงพวกเพลี้ยไฟ ไรแดง ระบาดได้ง่าย และหากดินมีน้ำขังหรือแฉะจนเกินไปก็จะทำให้เกิดโรคได้ง่ายเช่นกัน

การให้ปุ๋ย

ระยะที่ 1  เสริมสร้างการเจริญเติบโตของราก  ลำต้นและใบ  หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน  ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง  เช่น สูตร  15 – 0 – 0 หรือ 25 – 7 – 7  ในอัตรา 1  ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ  20   ลิตร รดทุกๆ  5 – 7  วัน  ประมาณ  2 – 3  ครั้ง

ระยะที่ 2   ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก  ให้ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15  อัตรา  75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ  ละลายน้ำ   20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน  จนกระทั่งดอกเริ่มบาน

ระยะที่ 3  เมื่อดอกเริ่มบาน  ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24  หรือ 13 – 13 – 21  อัตรา  75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ  ละลายน้ำ   20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน  ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก

ปุ๋ยเม็ด

สามารถให้ปุ๋ยสูตรต่างๆ เหมือนสูตรน้ำ ระยะที่ 1 – 3  อัตรา 10 กรัม/ต้น   ทุกๆ  7 วัน  โดยฝังลงในดินหรือใช้ดินกลบ

ข้อควรระวัง :  

  • การให้ปุ๋ยเม็ด ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ

  • การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม

หมายเหตุ :  หากไม่สามารถหาปุ๋ยได้ตามสูตร สามารถใช้ปุ๋ยสูตร  15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ  แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ  หรือสำหรับบางท่านที่ไม่สะดวกในการให้ปุ๋ยบ่อยครั้ง สามารถใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร  14 – 14 – 14  แนะนำเป็นตัว เนเจอร์ โค้ท สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารพืช ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่ดีเท่าการให้ปุ๋ยตามระยะ

การเด็ดยอด

  • ควรทำหลังการย้ายปลูกประมาณ 10-15 วัน ต้องมีใบจริงอย่างน้อย 3 คู่ เด็ดยอดออก 1 คู่ โดยใช้มือด้านหนึ่งจับข้อที่ต้องการเด็ด และโน้มกิ่ง ด้านบนจนหักชิดข้อที่จับ ช่วยในการแตกทรงพุ่ม ของลำต้นและความสูงสม่ำเสมอกัน แต่การเด็ดยอดจะทำให้ออกดอกช้าลงประมาณ 1 สัปดาห์ ในช่วงวันสั้นหรือฤดูหนาว แนะนำให้เด็ดยอดเพื่อให้ลำต้นสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ออกดอกจนเร็วเกินไป

การจัดการเพื่อให้ออกดอกต่อเนื่อง

ตัดดอกที่เสียออก ให้ความชื้นสม่ำเสมอ ให้ธาตุอาหารรอง เช่น แคลเซียม โบรอน แมกนีเซียม สังกะสี หรือธาตุอาหารที่จำเป็น

Short URL :