วิธีการปลูกดาวกระจายฝรั่ง COS-101

ดอกคละสี ก้านดอกยาว ลักษณะกลีบดอกมีชั้นเดียว ปลูกง่าย ออกดอกเร็ว ดอกดก ออกต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ทรงพุ่มสูง ประมาณ 50-70 ซม. ปลูกได้ทุกฤดูกาล และควรมีการเด็ดยอดเพื่อให้ทรงพุ่มแน่น เมื่อต้นมีใบจริง ประมาณ 6 คู่ใบ

อุปกรณ์ในการเพาะเมล็ดดอกไม้

  1. ถาดเพาะ  หรือ ตะกร้าเพาะ
  2. วัสดุเพาะ
  3. เมล็ดพันธุ์ดอกไม้
  4. ป้ายชื่อพันธุ์ดอกไม้
  5. บัวรดน้ำแบบฝอยละเอียด

การเพาะเมล็ด

  1. ทำการผสมพีทมอสกับสารเคมีกันเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 0.4 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) คลุกเคล้าให้เข้ากันสังเกตวัสดุเพาะจับตัวเป็นก้อนและมีน้ำซึมตามร่องนิ้วเล็กน้อย
  2. ใส่วัสดุเพาะลงในตะกร้าหนาประมาณครึ่งนิ้ว ปาดผิวหน้าวัสดุเพาะให้เรียบ พ่นน้ำให้ชุ่ม
  3. ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยผิววัสดุให้เรียบ ทำร่องรูปตัววีลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3 เซนติเมตร
  4. ทำการหว่านในตะกร้าให้กระจายอย่าให้ติดกันเป็นกระจุกเพราะจะยากต่อการย้ายลงถาดเพาะ
  5. ย้ายไปไว้ในทีพรางแสง 80 – 90% พ่นน้ำฝอยละเอียด และอย่าปล่อยให้วัสดุแห้งจะทำให้เมล็ดไม่งอกได้ ในระยะนี้จะใช้เวลประมาณ 4-5 วันในการงอก
  6. เมื่อต้นกล้ามีใบเลี้ยง 1 คู่แล้วซึ่งจะใช้ระยเวลาประมาณ 7-8วัน จึงทำการย้ายต้นกล้าลงถาดเพาะต่อไป

การย้ายปลูก

ดินปลูกสำหรับบรรจุลงกระถาง

  • การเตรียมดินปลูกต้องพิถีพิถันพอสมควร  เพราะไม้ดอกส่วนใหญ่มีอายุการออกดอกสั้น โดยเฉพาะไม้ดอกที่ไวต่อแสงจะออกดอกทันทีเมื่อครบอายุและต้นสมบูรณ์  ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี  ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร
สูตรดินผสม
  1. ดินร่วน 1 ส่วน
  2. แกลบดิบ 2 ส่วน
  3. แกลบดำ 1 ส่วน
  4. ปุ๋ยคอก,ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
  5. ขุยมะพร้าว 2 ส่วน
  6. โดโลไมท์ เพื่อปรับสภาพความเป็น กรด-ด่างในดิน 0.5 กิโลกรัม
  7. ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา 0.5 กก.

การย้ายปลูกต้นกล้าลงกระถางหรือถุงดำ  

  • หลังจากย้ายลงถาดเพาะไปแล้วประมาณ 15-20 วัน ให้สังเกต ต้นกล้าเมื่อมีใบจริง 2 คู่ขึ้นไป ต้นกล้าจะโตพอที่จะย้ายได้  นำต้นกล้าลงในถุงพลาสติก  โดยการเจาะหลุมดินให้ลึกและกว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา แล้วนำต้นกล้าหยอดลงในหลุมแล้วกลบด้วยดิน  หากต้นกล้ายืดหรือยาวกว่าปกติให้เจาะหลุมลึกขึ้นอีก หยอดต้นกล้าลงหลุมและกลบให้ชิดถึงใบจริงคู่แรก ช่วยแก้ปัญหาต้นกล้ายืดผิดปกติได้  ในกรณีที่ต้องการปลูกในถุงดำหรือกระถางไม่ย้ายลงแปลง ให้ดูแลต้นกล้าจนกระทั่งโต ตามรายละเอียดการให้น้ำ การให้ปุ้ย และการดูแลรักษา ในหัวข้อถัดไป

การย้ายปลูกต้นกล้าลงแปลง

ดินปลูกสำหรับปลูกลงแปลง

  1. ไถพรวนและพลิกหน้าดินตากไว้ประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืช
  2. หลังจากนั้นให้ทำการไถคราดเพื่อกำจัดวัชพืชออกให้หมดและทำให้ดินร่วนซุย  ให้รากพืชเดินได้สะดวกเหมาะสำหรับการปลูก
  3. ถ้าดินมีปัญหาโดยมีค่าความเป็นกรด ด่าง น้อยกว่า 6. 5 ควรเติมปูนขาวเพื่อปรับสภาพ pH ของดิน อัตรา  100 – 300 กก./ไร่ 
  4. ในขณะใส่ปูนขาวดินควรมีความชื้นเพื่อให้ปูนทำปฏิกิริยากับดินได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ 
  5. ผสมปุ๋ยสูตร  15 – 15 – 15 รองพื้น  ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มแร่ธาตุในดิน

หลักการปฏิบัติในการย้ายปลูก

  1. ย้ายต้นกล้าในตอนที่แดดอ่อนและในร่ม
  2. เตรียมแปลงปลูกอย่างดี รดน้ำแปลงให้ดินชื้นก่อนการย้ายปลูก
  3. ก่อนย้ายต้นกล้า ให้รดน้ำต้นกล้าให้ชุ่มก่อนทำการย้ายปลูก ดึงต้นกล้าเบาๆหรือใช้ใช้แหนบคีบ พร้อมดินหุ้มรากไปให้มากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
  4. ปลูกในหลุมที่กว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา และควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้กับระดับดินมากที่สุด เพื่อที่เวลารดน้ำต้นกล้า จะไม่หักล้มง่าย และแก้ปัญหาต้นกล้ายืด
  5. รดน้ำให้ชุ่มโดยใช้บัวรดแบบฝอยละเอียด

การดูแลรักษา

  1. เสริมการเจริญเติบโตของราก ลำต้นและใบ หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง สูตร 15-0-0 หรือ 25-7-7 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 5-7 วัน
  2. ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุก ๆ 3 วัน จนกระทั่งดอกเริ่มบาน
  3. เมื่อดอกเริ่มบาน ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24 หรือ 13 – 13 – 21 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก

ปุ๋ยเม็ด

  • สามารถให้ปุ๋ยสูตรต่างๆ เหมือนสูตรน้ำ ระยะที่ 1 – 3 อัตรา 10 กรัม/ต้น ทุกๆ 7 วัน โดยฝังลงในดินหรือใช้ดินกลบ ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้

ข้อควรระวัง :  

  • การให้ปุ๋ยเม็ด ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ

  • การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม

การให้น้ำ

  • ควรรดน้ำเช้า-เย็น และเมื่อดอกเริ่มบาน อย่ารดน้ำให้ถูกดอก เพราะอาจทำให้ดอกช้ำหรือเน่าได้ การให้น้ำควรให้ดินชุ่มสลับแห้ง ไม่ควรให้ชุ่มตลอดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และทำให้ระบบรากไม่พัฒนา ส่งผลให้ต้นแคระแกร็น ไม่สมบูรณ์ สามารถสังเกตสีของดินหรือวัสดุเพาะ หากมีสีดำหรือน้ำตาลเข้ม แสดงว่าดินยังชุ่มหรือมีน้ำอยู่ เมื่อดินเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน แห้งแข็ง แสดงว่าดินขาดน้ำ

Short URL :