“เมล่อน” หรือ อีกชื่อเรียกว่า “แคนตาลูป” ถูกยกให้เป็นราชนีแห่งพืชตระกลูแตง เพราะเกษตรกรที่จะปลูกเมล่อนนั้นก็ต้องนับว่ามีฝีมือระดับราชากันเลยทีเดียว เพราะวิธีการดูแลรักษาเจ้าพืชเมล่อนนั้น จะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง ดิน น้ำ อากาศ ปุ๋ย รวมไปถึงฮอรโมนพืช  อีกทั้งเป็นพืชที่มีโรค-แมลงมารุมเร้าแทบจะตลอดอายุการเพาะปลูกเลยก็ว่าได้ จึงทำให้พืชอย่างเมล่อนนั้นมีภาพในเชิงลบว่าเป็นพืช ใจเสาะ คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเมล่อนนั้นต้องอาศัยฝีมือในการปลูกระดับเซียน ต้องมีทุนและเทคโนโลยีขั้นสูง แต่อันที่จริงแล้วเกษตรกรยุคใหม่ที่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเพาะปลูกเมล่อนในระดับหนึ่ง ทุกคนก็สามารถศึกษาเรียนรู้เพิ่มก่อนลงมือทำได้อย่างเป็นแน่ โดยการปลูกเมล่อนนั้นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ การเลือกสายพันธุ์ที่ดี แข็งแรงทนต่อโรคเหมาะสมกับสภาพพื้นที่การเพาะปลูก และมีนักวิชาการส่งเสริมคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ เกษตรกรท่านใดที่มีประสบการณ์ผ่านการปลูกเมล่อนและประสบความสำเร็จ มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของท้องตลาด ก็นับว่าเป็นผู้ที่มีความอดทน ตั้งใจจริง รวมถึงการมีผู้สนับสนุนที่ดีมีคุณภาพคอยอยู่เบื้องหลัง เมล่อนหรือแคนตาลูปนั้น จัดว่าเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าสูง เกษตรกรยุคใหม่จึงนิยมหันมาปลูกเมล่อนกันมากขึ้น สามารถทำเงินได้เร็วขายได้ราคาดี

    มีเกษตรรุ่นใหม่ๆมากมาย ที่ผันตัวเองจากการเป็นพนักงานบริษัทเอกชนบ้าง ทำธุรกิจส่วนตัวบ้างเข้าสู่การเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัว หรือเกษตรกรที่ในอดีตเคยปลูกพืชชนิดอื่นก็เปลี่ยนมาเป็นการปลูกเมล่อน ยกตัวอย่างจากบทสัมภาษณ์จากเกษตรกรหญิงในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เมื่อก่อนเคยปลูกพืชชนิดอื่นและทำการเลี้ยงวัว แต่ในปัจจุบันได้หันมากปลูกเมล่อนอย่างเต็มตัวและสร้างรายได้อย่างงดงามเลยทีเดียว เกษตรกรผู้นี้คือ “เจ้ติ๋ม คุณธนัชพร เทาด้วง” อายุ 49 ปี ได้กล่าว ก่อนที่จะผันตัวเองมาปลูกเมล่อนนั้น ได้อยู่กับวงการเกษตรมาตลอด เนื่องจากตนเป็นลูกชาวไร่ มีการทำไร่ผัก และเลี้ยงวัวนมซึ่งแตกต่างกับการปลูกเมล่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะการปลูกเมล่อนนั่นจะต้องมีความรู้และการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เจ้ติ๋มกล่าวอีกว่าเคยพบปัญหาใหญ่ในการเริ่มลงมือปลูกเมล่อนคือ เรื่องการระบาดของโรคพืช เช่นเชื้อราสร้างความเสียหายแทบจะทั้งหมดของการปลูก จนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หรือได้น้อยมาก โรคนี้เป็นเปรียบเสมือนเป็นโรคประจำตัวของเมล่อนเลย ต้องมีการดูเอาใจใส่ป้องกัน แล้วแต่ละคนก็มีเทคนิคการดูแลที่แตกต่างกันไป ต้องเอาใจใสอย่างมาก เช่น ถ้าเริ่มมีการระบาดของโรคเชื้อรา ก็จะต้องตัดต้นนั้นทิ้งเลยทันทีก่อนที่จะลุกลามไปยังต้นอื่น แต่สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นความท้าทายเพราะไม่ค่อยมีคนปลูก และการปลูกช่วงแรกๆนั้นไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะไม่มีความรู้ใดๆทั้งสิ้น เขาชวนให้ปลูกก็ปลูกตามเขา ก็เลยมีความคิดว่าต้องเอาชนะมันให้ได้โดยกว่าที่จะผ่านพ้นวิกฤตและประสบความสำเร็จในการปลูกนั้น ใช้เวลาถึง 4 ปีเลยทีเดียว แต่ทุกวันนี้ที่ประสบความสำเร็จและสามารถเอาชนะ “พืชใจเสาะ” อย่างเมล่อนได้เพราะมีเมล็ดพันธุ์ที่ดี
 

         เจ้ติ๋มไว้วางใจ  ตราตะวันต้นกล้า  ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เหลืองจักพรรดิ หรือสายพันธุ์อื่นๆ ข้อดีคือ ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รู้จักสินค้าของตะวันต้นกล้าก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับการปลูกมาตลอด

ฝากถึงผู้ที่เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่หรือจะหันมาปลูกเมล่อน ต้องมีความอดทน ต้องอย่าท้อใช้ระยะเวลา และที่สำคัญมีเรื่องของการตลาด และคุณภาพเมล็ดพันธุ์ด้วย ถ้ามีนักวิชาการให้คำปรึกษา และเมล็ดมีคุณภาพ ก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก รับรองคุ้มค่า

สำหรับท่านที่สนใจเมล็ดพันธุ์พืชสายพันธุ์ที่ดี มีคุณภาพ เช่นสายพันธุ์เลดี้กรีน (เปลือกผิวตาข่าย เนื้อสีเขียว มีกลิ่นหอม รสหวาน น้ำหนักผลดี) , สายพันธุ์เลดี้โกลด์ (เปลือกผิวตาข่าย เนื้อสีส้ม อายุเก็บเกี่ยวสั้น) , สายพันธุ์เหลืองจักรพรรดิ (เปลือกผิวเรียบสีทอง เนื้อสีส้ม รสชาติหวานกรอบอร่อย) และมีนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงในด้านการปลูก ดูแลรักษาเมล่อนเป็นอย่างดีคอยให้คำปรึกษาท่าน สามารถติดต่อได้ที่ บริษัทแอ๊ดว้านซ์ซีดส์ จำกัด โทร 02-958-8476-8